ผมได้รับข้อความผ่านเฟซบุ๊ค เป็นการแชร์ภาพแบบฝึกหัดของเด็กนักศึกษาเกี่ยวกับศาสนา โดยระบุคำบรรยายภาพว่า “สังคมเราน่าห่วงถ้าเยาวชนคิดอย่างนี้ การฝึกคิดเป็นเรื่องจำเป็น” สิ่งที่ถูกเขียนดูจะเป็นคำตอบที่มีนอกเหนือจากตำรา
คำถามข้อแรกถามว่า “ศาสนาคืออะไร”
คำตอบ (ของเด็ก) “ศาสนา สำหรับผมมันก็แค่ความเชื่อที่มนุษย์มโนกันไปเองทั้งนั้น”
ข้อต่อมาถามว่า “ประโยชน์ของศาสนา คือ...”
คำตอบ (ของเด็ก) “ทำให้มีความเชื่อที่เหมือนกัน คิดว่าสิ่งที่คุณทำคือสิ่งที่ถูก และอีกประโยชน์ ก็คือมันสร้างสงครามได้”
ข้อที่สามถามว่า “หลักธรรมคำสอนเรื่องใดที่นักศึกษาใช้เป็นที่ยึดเหนี่ยว และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร”
คำตอบ (ของเด็ก) “ไม่มี...ห้ามฆ่า? สุดท้ายคุณก็กินเนื้อ ห้ามกามา? สุดท้ายก็ต้องทำ ห้ามโกหก? อะไรล่ะคือโกหก ห้ามสุรา? แล้วจะสร้างมาทำไม”
ข้อความที่ผมได้รับ ยังระบุอีกว่า เห็นคำตอบแล้วถึงกับอึ้ง บ้างก็มองว่าหากภาพฝึกหัดดังกล่าว เป็นคำตอบของนักศึกษาจริงๆ มันก็สะท้อนว่าปัจจุบันเด็กสมัยใหม่ห่างไกลจากศาสนามากขึ้นทุกที ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งกลับมองว่าคำสอนที่เด็กได้ระบุลงไปในแบบฝึกหัดมันคือการสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดแบบใหม่ของเด็กในสังคมปัจจุบัน ที่กล้าคิดนอกเหนือจากตำราเรียนและใช้ความคิดของตนแทน
ผมเห็นคำตอบของเด็กแล้วไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยไม่ทราบว่าเป็นเด็กนักศึกษา ระดับไหน มีพื้นฐานทางพระพุทธศาสนาแข็งแรงหรือไม่ สถานศึกษาที่สังกัดเป็นโรงเรียนวัดหรือโรงเรียนเอกชน แต่ถ้าผมเป็นอาจารย์คนที่สอนเด็กคนนี้ ผมคงต้องเอาหัวตัวเองโขกกระดานดำ
ศาสนานั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญคือมีศาสดา
ศาสนาของแต่ละศาสนามีประวัติศาสตร์ มีหลักฐานโบราณวัตถุ โบราณสถานที่สามารถยืนยันพิสูจน์ความเชื่อได้ เช่น พระพุทธเจ้า มีลุมพินีเป็นที่ประสูติ และตรงตามตำราที่เรียน ตรงตามคัมภีร์ที่จารึกไว้ ไม่ใช่เรื่องความเชื่อที่มนุษย์มโนกันไปเอง
ที่อันตรายอย่างมาก คือ ในประเทศที่เจริญทางวัตถุอย่างรวดเร็ว ปรากฎว่ามีคนรุ่นใหม่ระบุในทะเบียนประวัติว่าไม่มีศาสนาหรือไม่นับถือศาสนาใดๆ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ตัวเลขเท่าไร ผมไม่ยืนยัน และในบ้านเราก็เริ่มที่จะไม่นับถือศาสนา เพราะอะไร ฝากให้ท่านที่มีหน้าที่อธิบายได้คิดกัน
หากลูกของเรา ถามเราว่าประโยชน์ของศาสนาคืออะไร ผมเห็นว่าในฐานะผู้ปกครองต้องหาคำตอบที่เป็นรูปธรรมตอบลูกให้ได้เห็นจริง ผมอาจให้คำตอบกับลูกๆว่า ประโยชน์ของศาสนาก็คือ ทำให้เรามีที่พึ่งพาเมื่อยามที่ชีวิตของเรามีปัญหา หาทางออกอะไรไม่ได้ ศาสนามีหลักธรรมสอนให้เราทำดี ละเว้นความชั่ว บางศาสนาสอนให้มนุษย์มีความรักความเมตตาต่อกัน
เราต้องร่วมกันอย่างจริงจัง ในการทำให้เด็กและเยาวชนมองเห็นความสำคัญของศาสนาและเชื่อว่าศาสนาดีจริง ไม่ใช่เรื่องมโน หรือเข้าใจเพียงผิวเผิน แล้วตอบว่าไม่มีหลักธรรมคำสอนใดเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวดำรงชีวิต หากนักเรียนนักศึกษาไม่เชื่อในกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแล้ว อนาคตของเขาและสังคมจะเป็นเช่นไร
วันก่อนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ และอีกหลายหน่วยงาน ได้ร่วมกันดำเนินการสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาอันจะเกิดกับเด็กและเยาวชน ที่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องดีก็คือ การร่วมมือกันให้ความรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมตามหลักศาสนาที่ตนนับถือในกลุ่มเด็กและเยาวชนในสถานศึกษา และยังจะพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนอีกด้วย พาเด็กไปดูของจริงให้รู้จริง ปฏิบัติได้จริง ความคิดเห็นทางศาสนาจะเปลี่ยนไป
ดร.สมชาย สุรชาตรี
ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
โฆษกประจำสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
Email : Surachari@yahoo.com