วันจันทร์ ที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปวัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ทรงเปิดโครงการพระบริบาลภิกษุไข้ ประจำ ๑ วัด ๑ รูปทั่วไทย ซึ่งสถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข จัดขึ้นเพื่อถวายความรู้อบรมพระภิกษุให้มีความสามารถในการปฐมพยาบาลและดูแลพระภิกษุอาพาธ ให้ได้อย่างน้อย ๑ รูปต่อ ๑ วัด เป็นกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระกุศลแด่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า
“การที่ท่านทั้งหลายได้ร่วมกันสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณร มีความรู้ความสามารถทางด้านสาธารณสุขพื้นฐาน โดยกำหนดเป้าหมายเบื้องต้นให้ ๑ วัด มีพระภิกษุผู้สามารถบริบาลภิกษุอาพาธได้อย่างน้อย ๑ รูป ทั่วราชอาณาจักร นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ต่อคณะสงฆ์ ทั้งนี้ มหาเถรสมาคมได้รับทราบโครงการแล้ว ด้วยความรู้สึกชื่นชม และอนุโมทนาสาธุการในความดำริริเริ่มอันยอดเยี่ยม ของสถาบันพระบรมราชชนก และกระทรวงสาธารณสุข สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างในการบริบาลพระภิกษุไข้ด้วยพระองค์เอง แม้ทรงสถิตในที่พระบรมศาสดา แต่ก็ยังทรงเอาพระทัยใส่สอดส่องดูแลพระภิกษุสงฆ์ เสด็จไปทรงสำรวจตรวจตราความเป็นอยู่ และทรงบริบาลภิกษุอาพาธ ด้วยความเต็มพระทัยมิได้ทอดทิ้ง แม้ต้องทรงสัมผัสกับปฏิกูลหรือความยากลำบาก ก็มิได้ทรงรังเกียจ นับเป็นแบบอย่างของบรรพชิต ซึ่งได้บรรพชาอุปสมบทอุทิศชีวิตถวายไว้แด่พระองค์ ให้มุ่งมั่นเจริญรอยตาม ขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย ที่ได้มาร่วมอุดมการณ์ในการบริบาลพระภิกษุไข้ในวาระนี้ ฟังกระแสพระพุทธดำรัส ดังที่อาตมภาพจะขอเชิญมาเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินโครงการ ความว่า ‘ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอไม่มีมารดาไม่มีบิดา ผู้ใดเล่าจะพึงพยาบาลพวกเธอ ถ้าพวกเธอจักไม่พยาบาลกันเอง ใครเล่าจักพยาบาล ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดจะพึงอุปัฏฐากเรา ผู้นั้นพึงพยาบาลภิกษุอาพาธ ...ถ้าไม่มีอุปัชฌายะ อาจารย์ สัทธิวิหาริก อันเตวาสิก ภิกษุผู้ร่วมอุปัชฌายะ หรือภิกษุผู้ร่วมอาจารย์ สงฆ์ต้องช่วยกันพยาบาล ถ้าไม่พยาบาล ต้องอาบัติ...’ พระพุทธดำรัสนี้แสดงให้เห็นประจักษ์ว่า พระสงฆ์มี ‘หน้าที่’ ที่จะต้องบริบาลรักษาดูแลกัน จะทอดทิ้งกันมิได้ เพราะฉะนั้น การที่สาธุชนมาช่วยถวายความรู้ให้พระสงฆ์มีความสามารถในการบริบาล จึงเป็นบุญกุศลอย่างยิ่งใหญ่ เป็นการเกื้อกูลให้พระภิกษุสงฆ์ ปฏิบัติตนตามครรลองพระธรรมวินัย เพื่อการบำเพ็ญสมณธรรมได้อย่างแท้จริง สมตามนัยแห่งพระพุทธานุศาสนี ขอฝากกระทรวงสาธารณสุขให้จัดทำโครงการอันมีประโยชน์นี้โดยต่อเนื่องสืบไปเป็นประจำ เพื่อผลิตพระสงฆ์ผู้มีความรู้ความสามารถในการบริบาล ให้เพิ่มพูนขึ้นจากรุ่นสู่รุ่น กับทั้งขออานุภาพแห่งบุญกุศลอันเลิศนี้ จงอำนวยศุภผลให้ท่านทั้งหลาย จงเจริญอายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนปฏิภาณ และธรรมสารสมบัติ เพื่อเป็นกำลังในการเกื้อกูลประโยชน์ของหมู่คณะและส่วนรวม ยิ่งๆ ขึ้นสืบไป”